Skip to content
Home » News » อัตราดอกเบี้ยบ้านต้องรู้ ซื้อบ้านยังไง? ให้คุ้มสุด

อัตราดอกเบี้ยบ้านต้องรู้ ซื้อบ้านยังไง? ให้คุ้มสุด

อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่คุณควรรู้!

อัตราดอกเบี้ยบ้านคืออะไร ทำความรู้จักเบื้องต้นก่อนกู้ซื้อบ้าน

อัตราดอกเบี้ยบ้าน หรือดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน คือเงินกู้ที่ทางสถาบันการเงิน หรือธนาคารปล่อยกู้ให้ผู้ที่ต้องการเงินก้อนใหญ่ไปกู้ซื้อบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโด ซึ่งอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านนี้ จะเป็นตัวที่กำหนดการผ่อนชำระค่างวดของการกู้ซื้อบ้าน หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ตัวผู้กู้เลือกนั่นเอง

โดยอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ทางสถาบันการเงิน หรือธนาคารให้กู้นั้น จะมีจำนวนของเงินก้อนที่ปล่อยกู้ให้ผู้กู้แต่ละคนในจำนวนที่แตกต่างกัน เนื่องจากจะประเมินจากสภาพเศรษฐกิจ แนวโน้มตลาด ความน่าเชื่อถือ และมีการพิจารณาความเสี่ยงอย่างครอบคลุม เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยบ้านที่สมเหตุสมผลกับตัวผู้กู้มากที่สุด รวมถึงเพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายที่หนักหนาเกินไปสำหรับตัวผู้กู้

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเลือกสินเชื่อบ้าน อัตราดอกเบี้ยบ้านต่ำ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเลือกสินเชื่อบ้านที่มีอัตราดอกเบี้ยบ้านต่ำของธนาคารใดธนาคารหนึ่งนั้น เราต้องมีการพิจารณาในทุกขั้นตอนของการยื่นกู้อย่างรอบคอบ เนื่องจากการกู้ซื้อบ้านหรือการขอสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อบ้านเป็นการกู้เงินกับสถาบันการเงินที่ต้องใช้ระยะเวลาในการผ่อนค่างวดยาวนานหลายปี 

ซึ่งก่อนที่ผู้กู้อย่างเรา ๆ จะตัดสินใจกู้ หรือเลือกสินเชื่อบ้านที่มีอัตราดอกเบี้ยบ้านต่ำสักสินเชื่อหนึ่ง แน่นอนว่าการเตรียมตัวและเตรียมข้อมูลต่าง ๆ ให้พร้อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว เพราะหากเราเลือกสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยบ้านที่สูงเกินก็จะทำให้ภาระค่าใช้จ่ายของเรามากจนเกินไปจนอาจผ่อนต่อไม่ไหวและบ้านนั้นอาจถูกธนาคารยึดไปได้ในที่สุด

สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกสินเชื่อบ้าน อัตราดอกเบี้ยบ้านต่ำธนาคารไหน หรือเลือกอย่างไรดี วันนี้ทางมณีรินทร์ (MANEERIN PROPERTY) ได้รวบรวมข้อควรรู้ก่อนทำการขอสินเชื่อบ้านมาฝากทุกคนแล้วในบทความนี้ ซึ่งจะมีรายละเอียดอะไรบ้างนั้น ไปอ่านกันต่อได้เลย

1. รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อบ้านของธนาคารแต่ละแห่ง

อันดับแรกที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกสินเชื่อบ้านเพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยบ้านที่ต่ำและคุ้มค่าที่สุดนั้น คือต้องเข้าใจว่าดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของเงินกู้ ระยะเวลา และสถาบันการเงินเฉพาะแห่ง 

เลือกธนาคารที่ตอบโจทย์กับการกู้บ้าน

การขอสินเชื่อบ้านควรเริ่มต้นด้วยการสำรวจข้อเสนอของการกู้ที่หลากหลายของธนาคารต่าง ๆ ซึ่งเกณฑ์สำคัญในการเปรียบเทียบเพื่อให้ได้เงินก้อนใหญ่ในวงเงินที่สูงและอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ต่ำคือความสอดคล้องระหว่างความต้องการเฉพาะของคุณกับโครงการสินเชื่อบ้านที่นำเสนอโดยธนาคารแต่ละแห่ง แต่หากต้องการที่จะซื้อบ้านร่วมกับแฟน ก็ควรมองหาโครงการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยบ้านสำหรับคู่รักเพื่อทำการกู้ซื้อบ้านร่วมกัน โดยการเลือกกู้ร่วมกันจะช่วยให้ธนาคารอนุมัติวงเงินได้ง่ายขึ้น 

ตรวจสอบว่าธนาคารปล่อยกู้เต็มจำนวนหรือไม่ + เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยบ้าน

การพิจารณาข้อเสนอของธนาคารในแง่มุมนี้ทำให้ผู้กู้อย่างเรา สามารถวัดได้ว่าธนาคารพร้อมที่จะขยายวงเงินกู้เต็มจำนวน หรือให้เป็นกี่ % ของวงเงินที่ต้องการกู้ การพิจารณาอย่างถี่ถ้วนในส่วนนี้จะช่วยให้สามารถเปรียบเทียบทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุด พร้อมเตรียมแผนสำรองที่รอบคอบในการหาเงินส่วนที่เหลือสำหรับใช้ซื้อบ้านได้

รู้จักกับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อในการผ่อนบ้านแต่ละประเภท

การเข้าใจในอัตราดอกเบี้ยบ้านที่เราต้องทำการผ่อนชำระเงินกู้บ้านกับธนาคารแต่ละเดือนเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย เนื่องจากผ่อนเงินในการกู้บ้านแต่ละเดือนจะมีการคิดดอกเบี้ยรวมไปด้วยตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ซึ่งหากเราเลือกสินเชื่อบ้านที่เหมาะสมกับรายได้ หรือหากมีอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ใช้กู้ซื้อบ้านที่ต่ำก็จะช่วยประหยัดเงิน และชำระหนี้หมดได้หมดไวขึ้นด้วย โดยอัตราดอกเบี้ยบ้านในการกู้ซื้อบ้านจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ

    • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate) อัตราดอกเบี้ยชำระเท่าเดิมและสามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า เนื่องจากเป็นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลาการผ่อนชำระทั้งหมด
    • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate) อัตราดอกเบี้ยชำระไม่เท่าเดิม มีการกำหนดค่าอัตราดอกเบี้ยและปรับตามประกาศของธนาคารเป็นระยะ ๆ โดยธนาคารจะปรับอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน

นอกจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate) และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate) แล้ว ทางธนาคารยังมีอัตราดอกเบี้ยแบบผสม (Mixed Rate) ที่เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ตามอัตราที่ธนาคารกำหนดในช่วงแรกปีแรก แล้วหลังจากนั้นก็จะมีการปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยจะปรับเป็นแบบลอยตัวตามเงื่อนไขของธนาคารอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยบ้านในรูปแบบนี้

2. เตรียมเอกสารที่ต้องใช้เพื่อยื่นกู้สินเชื่อบ้าน

เมื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อบ้านของธนาคารแต่ละแห่งและได้เลือกธนาคารที่ให้วงเงินสูงในอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ต่ำเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการที่ผู้กู้อย่างเราเตรียมเอกสารเพื่อใช้ในการยื่นกู้สินเชื่อบ้านนั่นเอง ซึ่งเอกสารจะแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้…

เอกสารส่วนตัวของผู้ยื่นกู้ – บัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้าน หากเคยเปลี่ยนชื่อ หรือเปลี่ยนนามสกุล ต้องใช้ใบจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อและนามสกุลด้วย (เตรียมทั้งต้นฉบับและสำเนา) 

เอกสารแสดงรายได้ของผู้กู้แบ่งตามอาชีพ 

      • พนักงานประจำที่มีรายได้ประจำ – หนังสือรับรองเงินเดือน, สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน และสำเนาเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
      • อาชีพอิสระหรือเป็นเจ้าของกิจการ – สำเนาเดินบัญชีย้อนหลัง 12 เดือน, หลักฐานแสดงฐานะการเงินอื่น ๆ (พร้อมตัวจริง) และหลักฐานการเสียภาษีเงินได้

เอกสารหลักประกัน – สำเนาหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย, สัญญาวางมัดจำ และหนังสือให้ยินยอมตรวจสถานะประวัติค้างชำระหนี้ เพื่อให้ธนาคารสามารถเช็กเครดิตของผู้กู้ได้อย่างละเอียด นอกจากนี้หากมีผู้กู้ร่วมก็จะต้องส่งเอกสารด้วยเช่นเดียวกัน 


เอกสารทั้ง 3 ประเภทที่แตกต่างกันนี้ จะช่วยให้ธนาคารพิจารณาเกี่ยวกับความสามารถในการผ่อนชำระเงินกู้ของตัวผู้กู้ หรือผู้กู้ร่วม (ถ้ามี) ได้ง่ายขึ้น เมื่อยื่นเอกสารขอกู้ซื้อบ้านกับธนาคารครบทั้งหมดแล้ว ธนาคารจะมีการประเมินตัวผู้กู้ พิจารณาดอกเบี้ย และวงเงินตามความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ หากผู้กู้มีความมั่นคงทางการเงิน ก็อาจจะได้รับการอนุมัติเงินวงกู้ซื้อบ้านที่สูง หรือเต็มวงเงินที่ขอกู้ พร้อมกับอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ถูกลงด้วย

3. ประเมินความสามารถในการกู้สินเชื่อบ้านและวางแผนเรื่องการเงิน

หลังจากที่ยื่นกู้บ้านไปแล้ว โดยทั่วไปผู้กู้จะได้รับวงเงินสินเชื่อบ้านเกือบเต็มวงเงินที่ขอไปของราคาบ้าน (ถ้าหากเป็นไปตามนี้ผู้กู้จะต้องเตรียมเงินก้อนสำรองเอาไว้สำหรับเป็นค่าดาวน์บ้าน, ค่าจอง, ค่าทำสัญญา, ค่าจดจำนอง หรือค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ เพื่อทำให้วงเงินกู้กับธนาคารลดลง) แต่ถ้าหากได้สินเชื่อเต็มวงเงินก็ควรมีเงินสำรองไว้เช่นเดียวกัน ซึ่งการกำหนดวงเงินของธนาคารนี้จะขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและเงื่อนไขของแต่ละธนาคารนั่นเอง

ที่สำคัญเพื่อให้ผู้กู้อย่างเราสามารถเตรียมตัวและวางแผนเรื่องเงินได้อย่างคล่องตัว ทาง MANEERIN ขอแนะนำให้มีการนำรายได้มาคำนวณดูก่อนว่าจะได้รับวงเงินจากการกู้ซื้อบ้านอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ เนื่องจากธนาคารจะกำหนดอัตราผ่อนชำระไว้ไม่ให้เกิน 40% ของรายรับของผู้กู้ในแต่ละเดือน (คิดรวมกับหนี้สินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน) เพื่อให้สามารถจัดการการชำระหนี้ในแต่ละเดือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อัปเดตอัตราดอกเบี้ยบ้านล่าสุด เดือนกรกฎาคม 2566 จากมณีรินทร์

สำหรับใครที่กำลังต้องการรู้ว่าอัตราดอกเบี้ยบ้านล่าสุดของแต่ละธนาคารอยู่ที่เท่าไหร่นั้น วันนี้มณีรินทร์ได้รวบรวมข้อมูลอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านพิเศษประจำเดือนกรกฎาคม ปี 2566 พร้อมตัวช่วยในการคำนวณผ่อนชำระสินเชื่อบ้านจากหลากหลายธนาคารชั้นนำมาไว้ให้แล้วด้านล่างนี้ ซึ่งก็จะมีทั้งอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารออมสิน, ธนาคารทหารไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพื่อช่วยให้ผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อบ้าน หรือคอนโด เลือกกู้สินเชื่อจากธนาคารที่ใช้ได้ง่ายขึ้น 

อัตราดอกเบี้ยบ้านล่าสุด เดือนกรกฎาคม 2566

จากตารางด้านบนหลาย ๆ คนคงเห็นแล้วใช่ไหมว่า ธนาคารส่วนใหญ่มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน

เฉลี่ย 3 ปีแรกคงที่จากเดือนพฤษภาคม ปี 2566 ทุกธนาคาร ซึ่งทางมณีรินทร์ก็ได้นำอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกที่ต่ำที่สุดมาจัดอันดับให้เห็นกันไปเลยว่าอัตราดอกเบี้ยบ้านของธนาคารไหนที่น่าสนใจบ้าง เรียกได้ว่าใครชอบเงื่อนไขของธนาคารไหนก็สามารถยื่นกู้กันได้เลย

ตัวอย่างการยื่นกู้ซื้อบ้านกับธนาคาร *คำนวณจากอัตราดอกเบี้ยบ้านล่าสุด เดือนกรกฎาคม 2566

นาย A อาชีพพนักงานประจำเงินเดือน 35,000 บาท/เดือน และมีหนี้สินต่อเดือนอยู่ที่ 7,500 บาท ต้องการที่จะกู้ซื้อบ้านหลังแรกในภายใต้โครงการของ MANEERIN PROPERTY กับธนาคารกรุงไทย 2,000,000 บาท จะต้องเตรียมตัวในการกู้บ้านอย่างไรบ้าง ไปดูกัน!

1. คำนวณความสามารถในการผ่อนชำระค่าบ้านสูงสุดต่อเดือน 

โดยการเอา 35,000 – 7,500 = 27,500 บาท จากนั้นนำ 27,500 มาลบกับ 60% ที่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวก็ จะเหลือวงเงินที่สามารถผ่อนได้สูงสุด 40% ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด จึงสรุปได้ว่า A สามารถผ่อนได้สูงสุด คือ 11,000 บาท/เดือน 

2. คำนวณดอกเบี้ย MRR ธนาคารกรุงไทยสำหรับสินเชื่อบ้านที่ต้องจ่ายต่อปี

จากตารางจะเห็นได้ว่าอัตราดอกเบี้ยบ้านพิเศษ 3 ปีแรกคงที่ ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเป็นอัตราดอกเบี้ยบ้านแบบปกติ โดยสามารถคำนวณดอกเบี้ย MRR ที่ต้องจ่ายต่อปีได้ดังนี้…

เนื่องจากนาย A ต้องการกู้เงินซื้อบ้านหลังแรกกับธนาคารกรุงไทย จึงได้วงเงินกู้เต็มจำนวน 2,000,000 บาท เงื่อนไขของธนาคารมีการกำหนดว่า MRR เท่ากับ 7.32% และอัตราดอกเบี้ยบ้านพิเศษปีที่ 1-3 อยู่ที่ 2.85% ต่อปี ส่วนปีที่ 4 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยบ้าน อยู่ที่ 4.01% ต่อปี

    • คำนวณดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายสำหรับปีที่ 1-3 ที่อัตราดอกเบี้ย 2.85% ต่อปี โดยการเอา 2,000,000 x 2.85% = 57,000 

ดังนั้น ในปีที่ 1-3 นาย A จะต้องจ่ายดอกเบี้ย MRR อยู่ที่ 57,000 บาทต่อปี

    • คำนวณดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายสำหรับปีที่ 4 เป็นต้นไป ที่อัตราดอกเบี้ย 4.01% ต่อปี โดยการเอา 2,000,000 x 4.01% = 80,200

ดังนั้น ในปีที่ 4 เป็นต้นไป นาย A จะต้องจ่ายดอกเบี้ย MRR อยู่ที่ 80,200 บาทต่อปี

 

3. จัดเตรียมเอกสารการกู้บ้าน

เมื่อได้ลองคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระค่าบ้านสูงสุดต่อเดือน และคำนวณดอกเบี้ย MRR กับธนาคารกรุงไทยที่ต้องจ่ายต่อปีแล้วก็จัดเตรียมเอกสารตัวจริงและสำเนาที่ต้องใช้ในการยื่นกู้ได้เลย (เตรียมเอกสารจากการที่นาย A เป็นพนักงานประจำ) 

    • บัตรประจำตัวประชาชน (ตัวจริงและสำเนา)
    • ทะเบียนบ้าน (ตัวจริงและสำเนา)
    • หนังสือรับรองเงินเดือน
    • สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
    • สมุดบัญชีเงินฝาก สำเนาเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
    • ข้อมูลโครงการที่ต้องการซื้อ 
    • สำเนาหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย
    • สัญญาวางมัดจำ 
    • หนังสือให้ยินยอมตรวจสถานะประวัติค้างชำระหนี้ 

หลังจากที่ได้เห็นตัวอย่างของการคำนวณกู้ซื้อบ้านกันไปแล้ว ทั้ง การคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระค่าบ้านสูงสุดต่อเดือนและการคำนวณดอกเบี้ย MRR สำหรับสินเชื่อบ้านที่ต้องจ่ายต่อปี มณีรินทร์เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเตรียมตัวกู้ซื้อบ้านได้ดีขึ้นและสามารถวางแผนการผ่อนชำระได้รอบคอบขึ้นอย่างแน่นอน

สำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวซื้อบ้าน หรือต้องการกู้ซื้อบ้านในวงเงินที่สูง อัตราดอกเบี้ยบ้านต่ำ บอกเลยว่าบทความนี้ ทางมณีรินทร์ได้คัดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านธนาคารที่มีราคาพิเศษมาให้แล้ว ใครสนใจอัตราดอกเบี้ย สินเชื่อบ้านของธนาคารไหน อย่ารอช้า! เตรียมตัวยื่นกู้ซื้อบ้านกันได้เลย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

We use cookies to improve performance. and good experience using your website. You can study details at Privacy Policy And you can manage your privacy by clicking on Settings

Privacy Preferences

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save