อัตราดอกเบี้ยบ้านคืออะไร ทำความรู้จักเบื้องต้นก่อนกู้ซื้อบ้าน
อัตราดอกเบี้ยบ้าน หรือดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน คือเงินกู้ที่ทางสถาบันการเงิน หรือธนาคารปล่อยกู้ให้ผู้ที่ต้องการเงินก้อนใหญ่ไปกู้ซื้อบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโด ซึ่งอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านนี้ จะเป็นตัวที่กำหนดการผ่อนชำระค่างวดของการกู้ซื้อบ้าน หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ตัวผู้กู้เลือกนั่นเอง
โดยอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ทางสถาบันการเงิน หรือธนาคารให้กู้นั้น จะมีจำนวนของเงินก้อนที่ปล่อยกู้ให้ผู้กู้แต่ละคนในจำนวนที่แตกต่างกัน เนื่องจากจะประเมินจากสภาพเศรษฐกิจ แนวโน้มตลาด ความน่าเชื่อถือ และมีการพิจารณาความเสี่ยงอย่างครอบคลุม เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยบ้านที่สมเหตุสมผลกับตัวผู้กู้มากที่สุด รวมถึงเพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายที่หนักหนาเกินไปสำหรับตัวผู้กู้
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเลือกสินเชื่อบ้าน อัตราดอกเบี้ยบ้านต่ำ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเลือกสินเชื่อบ้านที่มีอัตราดอกเบี้ยบ้านต่ำของธนาคารใดธนาคารหนึ่งนั้น เราต้องมีการพิจารณาในทุกขั้นตอนของการยื่นกู้อย่างรอบคอบ เนื่องจากการกู้ซื้อบ้านหรือการขอสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อบ้านเป็นการกู้เงินกับสถาบันการเงินที่ต้องใช้ระยะเวลาในการผ่อนค่างวดยาวนานหลายปี
ซึ่งก่อนที่ผู้กู้อย่างเรา ๆ จะตัดสินใจกู้ หรือเลือกสินเชื่อบ้านที่มีอัตราดอกเบี้ยบ้านต่ำสักสินเชื่อหนึ่ง แน่นอนว่าการเตรียมตัวและเตรียมข้อมูลต่าง ๆ ให้พร้อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว เพราะหากเราเลือกสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยบ้านที่สูงเกินก็จะทำให้ภาระค่าใช้จ่ายของเรามากจนเกินไปจนอาจผ่อนต่อไม่ไหวและบ้านนั้นอาจถูกธนาคารยึดไปได้ในที่สุด
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกสินเชื่อบ้าน อัตราดอกเบี้ยบ้านต่ำธนาคารไหน หรือเลือกอย่างไรดี วันนี้ทางมณีรินทร์ (MANEERIN PROPERTY) ได้รวบรวมข้อควรรู้ก่อนทำการขอสินเชื่อบ้านมาฝากทุกคนแล้วในบทความนี้ ซึ่งจะมีรายละเอียดอะไรบ้างนั้น ไปอ่านกันต่อได้เลย
1. รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อบ้านของธนาคารแต่ละแห่ง
อันดับแรกที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกสินเชื่อบ้านเพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยบ้านที่ต่ำและคุ้มค่าที่สุดนั้น คือต้องเข้าใจว่าดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของเงินกู้ ระยะเวลา และสถาบันการเงินเฉพาะแห่ง
✔ เลือกธนาคารที่ตอบโจทย์กับการกู้บ้าน
การขอสินเชื่อบ้านควรเริ่มต้นด้วยการสำรวจข้อเสนอของการกู้ที่หลากหลายของธนาคารต่าง ๆ ซึ่งเกณฑ์สำคัญในการเปรียบเทียบเพื่อให้ได้เงินก้อนใหญ่ในวงเงินที่สูงและอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ต่ำคือความสอดคล้องระหว่างความต้องการเฉพาะของคุณกับโครงการสินเชื่อบ้านที่นำเสนอโดยธนาคารแต่ละแห่ง แต่หากต้องการที่จะซื้อบ้านร่วมกับแฟน ก็ควรมองหาโครงการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยบ้านสำหรับคู่รักเพื่อทำการกู้ซื้อบ้านร่วมกัน โดยการเลือกกู้ร่วมกันจะช่วยให้ธนาคารอนุมัติวงเงินได้ง่ายขึ้น
✔ ตรวจสอบว่าธนาคารปล่อยกู้เต็มจำนวนหรือไม่ + เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยบ้าน
การพิจารณาข้อเสนอของธนาคารในแง่มุมนี้ทำให้ผู้กู้อย่างเรา สามารถวัดได้ว่าธนาคารพร้อมที่จะขยายวงเงินกู้เต็มจำนวน หรือให้เป็นกี่ % ของวงเงินที่ต้องการกู้ การพิจารณาอย่างถี่ถ้วนในส่วนนี้จะช่วยให้สามารถเปรียบเทียบทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุด พร้อมเตรียมแผนสำรองที่รอบคอบในการหาเงินส่วนที่เหลือสำหรับใช้ซื้อบ้านได้
✔ รู้จักกับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อในการผ่อนบ้านแต่ละประเภท
การเข้าใจในอัตราดอกเบี้ยบ้านที่เราต้องทำการผ่อนชำระเงินกู้บ้านกับธนาคารแต่ละเดือนเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย เนื่องจากผ่อนเงินในการกู้บ้านแต่ละเดือนจะมีการคิดดอกเบี้ยรวมไปด้วยตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ซึ่งหากเราเลือกสินเชื่อบ้านที่เหมาะสมกับรายได้ หรือหากมีอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ใช้กู้ซื้อบ้านที่ต่ำก็จะช่วยประหยัดเงิน และชำระหนี้หมดได้หมดไวขึ้นด้วย โดยอัตราดอกเบี้ยบ้านในการกู้ซื้อบ้านจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate) อัตราดอกเบี้ยชำระเท่าเดิมและสามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า เนื่องจากเป็นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลาการผ่อนชำระทั้งหมด
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate) อัตราดอกเบี้ยชำระไม่เท่าเดิม มีการกำหนดค่าอัตราดอกเบี้ยและปรับตามประกาศของธนาคารเป็นระยะ ๆ โดยธนาคารจะปรับอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
นอกจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate) และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate) แล้ว ทางธนาคารยังมีอัตราดอกเบี้ยแบบผสม (Mixed Rate) ที่เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ตามอัตราที่ธนาคารกำหนดในช่วงแรกปีแรก แล้วหลังจากนั้นก็จะมีการปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยจะปรับเป็นแบบลอยตัวตามเงื่อนไขของธนาคารอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยบ้านในรูปแบบนี้
2. เตรียมเอกสารที่ต้องใช้เพื่อยื่นกู้สินเชื่อบ้าน
เมื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อบ้านของธนาคารแต่ละแห่งและได้เลือกธนาคารที่ให้วงเงินสูงในอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ต่ำเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการที่ผู้กู้อย่างเราเตรียมเอกสารเพื่อใช้ในการยื่นกู้สินเชื่อบ้านนั่นเอง ซึ่งเอกสารจะแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้…
✔ เอกสารส่วนตัวของผู้ยื่นกู้ – บัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้าน หากเคยเปลี่ยนชื่อ หรือเปลี่ยนนามสกุล ต้องใช้ใบจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อและนามสกุลด้วย (เตรียมทั้งต้นฉบับและสำเนา)
✔ เอกสารแสดงรายได้ของผู้กู้แบ่งตามอาชีพ
- พนักงานประจำที่มีรายได้ประจำ – หนังสือรับรองเงินเดือน, สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน และสำเนาเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
- อาชีพอิสระหรือเป็นเจ้าของกิจการ – สำเนาเดินบัญชีย้อนหลัง 12 เดือน, หลักฐานแสดงฐานะการเงินอื่น ๆ (พร้อมตัวจริง) และหลักฐานการเสียภาษีเงินได้
✔ เอกสารหลักประกัน – สำเนาหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย, สัญญาวางมัดจำ และหนังสือให้ยินยอมตรวจสถานะประวัติค้างชำระหนี้ เพื่อให้ธนาคารสามารถเช็กเครดิตของผู้กู้ได้อย่างละเอียด นอกจากนี้หากมีผู้กู้ร่วมก็จะต้องส่งเอกสารด้วยเช่นเดียวกัน
เอกสารทั้ง 3 ประเภทที่แตกต่างกันนี้ จะช่วยให้ธนาคารพิจารณาเกี่ยวกับความสามารถในการผ่อนชำระเงินกู้ของตัวผู้กู้ หรือผู้กู้ร่วม (ถ้ามี) ได้ง่ายขึ้น เมื่อยื่นเอกสารขอกู้ซื้อบ้านกับธนาคารครบทั้งหมดแล้ว ธนาคารจะมีการประเมินตัวผู้กู้ พิจารณาดอกเบี้ย และวงเงินตามความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ หากผู้กู้มีความมั่นคงทางการเงิน ก็อาจจะได้รับการอนุมัติเงินวงกู้ซื้อบ้านที่สูง หรือเต็มวงเงินที่ขอกู้ พร้อมกับอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ถูกลงด้วย
3. ประเมินความสามารถในการกู้สินเชื่อบ้านและวางแผนเรื่องการเงิน
หลังจากที่ยื่นกู้บ้านไปแล้ว โดยทั่วไปผู้กู้จะได้รับวงเงินสินเชื่อบ้านเกือบเต็มวงเงินที่ขอไปของราคาบ้าน (ถ้าหากเป็นไปตามนี้ผู้กู้จะต้องเตรียมเงินก้อนสำรองเอาไว้สำหรับเป็นค่าดาวน์บ้าน, ค่าจอง, ค่าทำสัญญา, ค่าจดจำนอง หรือค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ เพื่อทำให้วงเงินกู้กับธนาคารลดลง) แต่ถ้าหากได้สินเชื่อเต็มวงเงินก็ควรมีเงินสำรองไว้เช่นเดียวกัน ซึ่งการกำหนดวงเงินของธนาคารนี้จะขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและเงื่อนไขของแต่ละธนาคารนั่นเอง
ที่สำคัญเพื่อให้ผู้กู้อย่างเราสามารถเตรียมตัวและวางแผนเรื่องเงินได้อย่างคล่องตัว ทาง MANEERIN ขอแนะนำให้มีการนำรายได้มาคำนวณดูก่อนว่าจะได้รับวงเงินจากการกู้ซื้อบ้านอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ เนื่องจากธนาคารจะกำหนดอัตราผ่อนชำระไว้ไม่ให้เกิน 40% ของรายรับของผู้กู้ในแต่ละเดือน (คิดรวมกับหนี้สินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน) เพื่อให้สามารถจัดการการชำระหนี้ในแต่ละเดือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อัปเดตอัตราดอกเบี้ยบ้านล่าสุด เดือนกรกฎาคม 2566 จากมณีรินทร์
สำหรับใครที่กำลังต้องการรู้ว่าอัตราดอกเบี้ยบ้านล่าสุดของแต่ละธนาคารอยู่ที่เท่าไหร่นั้น วันนี้มณีรินทร์ได้รวบรวมข้อมูลอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านพิเศษประจำเดือนกรกฎาคม ปี 2566 พร้อมตัวช่วยในการคำนวณผ่อนชำระสินเชื่อบ้านจากหลากหลายธนาคารชั้นนำมาไว้ให้แล้วด้านล่างนี้ ซึ่งก็จะมีทั้งอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารออมสิน, ธนาคารทหารไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพื่อช่วยให้ผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อบ้าน หรือคอนโด เลือกกู้สินเชื่อจากธนาคารที่ใช้ได้ง่ายขึ้น
จากตารางด้านบนหลาย ๆ คนคงเห็นแล้วใช่ไหมว่า ธนาคารส่วนใหญ่มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน
เฉลี่ย 3 ปีแรกคงที่จากเดือนพฤษภาคม ปี 2566 ทุกธนาคาร ซึ่งทางมณีรินทร์ก็ได้นำอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกที่ต่ำที่สุดมาจัดอันดับให้เห็นกันไปเลยว่าอัตราดอกเบี้ยบ้านของธนาคารไหนที่น่าสนใจบ้าง เรียกได้ว่าใครชอบเงื่อนไขของธนาคารไหนก็สามารถยื่นกู้กันได้เลย
ตัวอย่างการยื่นกู้ซื้อบ้านกับธนาคาร *คำนวณจากอัตราดอกเบี้ยบ้านล่าสุด เดือนกรกฎาคม 2566
นาย A อาชีพพนักงานประจำเงินเดือน 35,000 บาท/เดือน และมีหนี้สินต่อเดือนอยู่ที่ 7,500 บาท ต้องการที่จะกู้ซื้อบ้านหลังแรกในภายใต้โครงการของ MANEERIN PROPERTY กับธนาคารกรุงไทย 2,000,000 บาท จะต้องเตรียมตัวในการกู้บ้านอย่างไรบ้าง ไปดูกัน!
1. คำนวณความสามารถในการผ่อนชำระค่าบ้านสูงสุดต่อเดือน
โดยการเอา 35,000 – 7,500 = 27,500 บาท จากนั้นนำ 27,500 มาลบกับ 60% ที่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวก็ จะเหลือวงเงินที่สามารถผ่อนได้สูงสุด 40% ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด จึงสรุปได้ว่า A สามารถผ่อนได้สูงสุด คือ 11,000 บาท/เดือน
2. คำนวณดอกเบี้ย MRR ธนาคารกรุงไทยสำหรับสินเชื่อบ้านที่ต้องจ่ายต่อปี
จากตารางจะเห็นได้ว่าอัตราดอกเบี้ยบ้านพิเศษ 3 ปีแรกคงที่ ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเป็นอัตราดอกเบี้ยบ้านแบบปกติ โดยสามารถคำนวณดอกเบี้ย MRR ที่ต้องจ่ายต่อปีได้ดังนี้…
เนื่องจากนาย A ต้องการกู้เงินซื้อบ้านหลังแรกกับธนาคารกรุงไทย จึงได้วงเงินกู้เต็มจำนวน 2,000,000 บาท เงื่อนไขของธนาคารมีการกำหนดว่า MRR เท่ากับ 7.32% และอัตราดอกเบี้ยบ้านพิเศษปีที่ 1-3 อยู่ที่ 2.85% ต่อปี ส่วนปีที่ 4 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยบ้าน อยู่ที่ 4.01% ต่อปี
- คำนวณดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายสำหรับปีที่ 1-3 ที่อัตราดอกเบี้ย 2.85% ต่อปี โดยการเอา 2,000,000 x 2.85% = 57,000
ดังนั้น ในปีที่ 1-3 นาย A จะต้องจ่ายดอกเบี้ย MRR อยู่ที่ 57,000 บาทต่อปี
- คำนวณดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายสำหรับปีที่ 4 เป็นต้นไป ที่อัตราดอกเบี้ย 4.01% ต่อปี โดยการเอา 2,000,000 x 4.01% = 80,200
ดังนั้น ในปีที่ 4 เป็นต้นไป นาย A จะต้องจ่ายดอกเบี้ย MRR อยู่ที่ 80,200 บาทต่อปี
3. จัดเตรียมเอกสารการกู้บ้าน
เมื่อได้ลองคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระค่าบ้านสูงสุดต่อเดือน และคำนวณดอกเบี้ย MRR กับธนาคารกรุงไทยที่ต้องจ่ายต่อปีแล้วก็จัดเตรียมเอกสารตัวจริงและสำเนาที่ต้องใช้ในการยื่นกู้ได้เลย (เตรียมเอกสารจากการที่นาย A เป็นพนักงานประจำ)
- บัตรประจำตัวประชาชน (ตัวจริงและสำเนา)
- ทะเบียนบ้าน (ตัวจริงและสำเนา)
- หนังสือรับรองเงินเดือน
- สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
- สมุดบัญชีเงินฝาก สำเนาเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
- ข้อมูลโครงการที่ต้องการซื้อ
- สำเนาหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย
- สัญญาวางมัดจำ
- หนังสือให้ยินยอมตรวจสถานะประวัติค้างชำระหนี้
หลังจากที่ได้เห็นตัวอย่างของการคำนวณกู้ซื้อบ้านกันไปแล้ว ทั้ง การคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระค่าบ้านสูงสุดต่อเดือนและการคำนวณดอกเบี้ย MRR สำหรับสินเชื่อบ้านที่ต้องจ่ายต่อปี มณีรินทร์เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเตรียมตัวกู้ซื้อบ้านได้ดีขึ้นและสามารถวางแผนการผ่อนชำระได้รอบคอบขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวซื้อบ้าน หรือต้องการกู้ซื้อบ้านในวงเงินที่สูง อัตราดอกเบี้ยบ้านต่ำ บอกเลยว่าบทความนี้ ทางมณีรินทร์ได้คัดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านธนาคารที่มีราคาพิเศษมาให้แล้ว ใครสนใจอัตราดอกเบี้ย สินเชื่อบ้านของธนาคารไหน อย่ารอช้า! เตรียมตัวยื่นกู้ซื้อบ้านกันได้เลย