เพื่อให้เราสามารถรู้ได้ว่าเราจะสามารถทำการรีไฟแนนซ์บ้านได้เมื่อไหร่ หรือ ณ ตอนนี้เราสามารถทำการขอรีไฟแนนซ์บ้านได้หรือยัง ก่อนอื่นเลยเราจะต้องทำการตรวจสอบสัญญาการกู้บ้านเสียก่อน ว่ามีข้อกำหนดให้เราสามารถทำการเริ่มรีไฟแนนซ์ได้ตอนไหน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสัญญาการกู้บ้านจะกำหนดให้เราสามารถทำการขอรีไฟแนนซ์ได้เมื่อได้ทำการผ่อนบ้านไปแล้ว 3 ปี

ลำดับต่อมาเมื่อรู้ถึงช่วงเวลาที่เราจะสามารถเริ่มขอรีไฟแนนซ์บ้านได้แล้ว เราจะต้องทำการศึกษาหาข้อมูลเพื่อเลือกธนาคารใหม่ที่ต้องการขอรีไฟแนนซ์

โดยวิธีรีไฟแนนซ์บ้านขั้นตอนนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างมาก เพราะหากเลือกไม่ดีเราก็อาจจะไม่รับสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่นั่นเอง ซึ่งในการเลือกธนาคารที่ใช่นั้นไม่ยากเลย เพียงแค่เรานำข้อมูลของธนาคารต่าง ๆ มาเปรียบเทียบเพื่อมองหาธนาคารที่ได้ดอกเบี้ยถูกที่สุด รวมถึงมีสิทธิประโยชน์ และโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของเรา

แน่นอนว่าการทำธุรกรรมต่าง ๆ ล้วนมีเอกสารสำคัญที่ต้องใช้ การขอรีไฟแนนซ์บ้านก็เช่นเดียวกัน หากเราต้องการดำเนินขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านให้ราบรื่น ไม่มีสะดุด เราจำเป็นจะต้องมีการจัดเตรียมเอกสารสำคัญต่าง ๆ ให้พร้อม 

ซึ่งเอกสารที่จำเป็นจะต้องใช้ในแต่ละธนาคารนั้นจะแตกต่างกันไม่มากนัก ดังนี้

เมื่อจัดเตรียมเอกสารสำคัญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราสามารถทำการยื่นเอกสารเพื่อขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์กับทางธนาคารที่เราได้เลือกไว้ จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ของทางธนาคารมาประเมินบ้านเพื่อประเมินราคาหลักประกัน แล้วจึงรอฟังผลการอนุมัติจากทางธนาคาร ซึ่งเมื่อได้รับการอนุมัติจากธนาคารใหม่แล้วเราจะต้องติดต่อกลับไปที่ธนาคารเดิม เพื่อสอบถามยอดหนี้คงเหลือ และนัดวันที่จะนำเอกสารไปไถ่ถอนบ้านจากสินเชื่อเดิม

วิธีรีไฟแนนซ์บ้านในขั้นตอนสุดท้ายนี้คือการนัดเจ้าหน้าที่ของธนาคารทั้ง 2 ธนาคาร (ธนาคารเดิมและธนาคารใหม่) ให้เดินทางไปยังกรมที่ดินในวันเดียวกัน เพื่อทำการชำระหนี้ ทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ และทำสัญญาต่าง ๆ ให้ครบถ้วน แล้วจึงทำการมอบโฉนดที่ได้มาจากกรมที่ดินให้กับธนาคารใหม่ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการทำรีไฟแนนซ์บ้าน